เปิดชีวิตล่าสุด ‘จอย ศิริลักษณ์’ โผล่สวมแหวนนางซ้าย รู้อายุแฟนห่างจนอึ้ง

เปิดชีวิตล่าสุด ‘จอย ศิริลักษณ์’ โผล่สวมแหวนนางซ้าย รู้อายุแฟนห่างจนอึ้ง

จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค อดีตนักแสดงสาวเจ้าบทบาท สาวน้อยคาเฟ่ในตำนาน ที่วันนี้เธอจะมาเผยถึงสาเหตุที่ห่างหายจากวงการไปนานถึง 8 ปี ในรายการ “คุยแซ่บ Show” ทางช่อง One31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา ชมพู่ ก่อนบ่าย และ ใบเฟิร์น พัสกร เป็นพิธีกร และเปิดชีวิตติดเรียนจนกำลังจะกลายเป็นว่าที่ ดร. ไปแล้ว พร้อมไขข้อสงสัยคบแฟนมาเกือบ 10 ปี แต่ไม่เปิดตัวออกสื่อเลย

ตอนที่กำลังดัง อยู่ดีๆ ก็เฟดออกจากวงการเลยเกิดอะไรขึ้น?
จอย : ก็มีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น เราทำงานก็ใช้ความจริงใจนำหน้า อะไรที่เรามีความสุขเราทำเต็มที่ แต่พอช่วงเวลานั้นเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว เราไม่มีความสุขกับตรงนี้ ประกอบกับว่าเรามาสนใจอย่างอื่นรอบตัวเรา เวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เล็ก เราเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เราอยู่ตรงนี้มานานมาก จนถึงวันหนึ่งเรารู้สึกว่ามีอะไรอีกมั้ยที่เราอยากทำ เลยคิดว่าเราน่าจะมีเวลาทำอะไรให้สังคมบ้าง

ในเชิงของนักแสดงก็ได้ทำอะไรเพื่อสังคมอยู่แล้ว แต่มันก็แค่ด้านหนึ่ง แต่ถ้ามีโอกาสเราก็อยากจะทำเต็มที่ เต็มตัว มุมหนึ่งเราก็รู้สึกว่าเราได้ตอบแทนคนที่เค้าชื่นชอบเราด้วย มันน่าจะเป็นช่วงที่เราอยากจะทำอะไรก็ทำ ที่ผ่านมาทั้งหมดตั้งแต่เด็กจนโตจนมีชื่อเสียงอะไรที่เราพลาดไป หมายถึงยังมีอะไรที่ขาดอีก ที่ยังไม่ได้ทำ มีอะไรที่อยากเรียนอีก อยากรู้อีก เราก็เลยสนใจเรื่องนั้น แล้วก็ไปทำ จัดเวลาตัวเองใหม่

ตอนที่ตัดสินใจออกจากวงการจะเป็นช่วงพีคๆ เป็นนางเอกอันดับต้นๆ เหมือนกัน?
จอย : เรารู้ข้อดี ข้อเด่นและข้อด้อยของตัวเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่เราจะรับปากทำงานหนึ่งชิ้นเราต้องรู้ว่าเราเต็มที่ได้ดีแค่ไหน เราจะต้องประเมินว่าคนที่เค้าอยากให้เราไปทำงานเค้าคาดหวังขนาดไหน เราทำได้ใกล้เคียงกับที่เค้าคาดหวังมั้ย งานในวงการเราทำกันเป็นทีมใหญ่มาก ทุกอย่างมันต้องพร้อม ที่ผ่านมาหายไปเกือบ 8 ปี เราก็ไปทำเรื่องราวนู้นนี้ของเรา ก็มีโผล่มาบ้าง

ทำอะไร 8 ปี?
จอย : หลักๆ ไปเรียน ตอนนั้นสนใจในสิทธิของประชาชน เราก็ไปเรียนอาชญาวิทยาในเรื่องกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ตอนที่ไปเรียนเริ่มต้นปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมเรื่อยมา จนมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยมหิดล ก็เป็นอาชญาวิทยาการบริหารยุติธรรมและสังคม ระหว่างทางก่อนจะโทไปเอกก็ไปเรียนด้านเรื่องวิทยาศาสตร์ชะลอวัยและสุขภาพของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

แต่ละอย่างที่ไปเรียนมันเป็นเรื่องของความรู้สึกเรา เช่น ตอนเรียนปริญญาโท เราสนใจเรื่องสิทธิ สนใจเรื่องกระบวนการยุติธรรม เราสนใจเรื่องผู้ต้องขังหญิง เพราะว่าความเป็นผู้ต้องขังหญิงมันมีผลกระทบเยอะ ไหนจะมีลูกอีก เด็กที่เกิดมาเป็นเยาวชนของชาติในอนาคต เราก็มองหลายเรื่อง ก็เลยเรียนเลยดีกว่า

คนที่ไปเรียนออกมาเค้าทำอะไร?
จอย : คนที่เรียนอาชญาวิทยาเค้าจะเรียนเรื่องของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทนาย คนละแบบ อาชญาวิทยาเป็นเรื่องของการศึกษาสาเหตุพฤติกรรมของมนุษย์ ว่าทำไมเค้ากระทำความผิด เค้ามีแรงจูงใจอะไร เค้ามีปมอะไรในอดีตหรือเค้าเกิดกดดันอะไรในช่วงเวลานั้นของเค้า เค้าถึงตัดสินใจทำพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากพฤติกรรมที่ปกติของคนปกติ

ถ้าเราเรียนนี้จบไปส่วนใหญ่อาชีพของคนที่เรียนคืออะไร?
จอย : อันที่หนึ่งคือสาเหตุของตัวบุคคล อันที่สองคือเราดูถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคม เช่น ยุคหนึ่งเศรษฐกิจอาจจะไม่ดี แนวโน้มที่จะเกิดอาชญากรรมประเภทไหนจะเยอะ การเก็บสถิติต่างๆ ทำให้ไม่ว่าเราจะไปทำงานในหน่วยไหนในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ เหล่านี้นักอาชญาวิทยาสามารถเข้าไปให้ความเห็นผ่านการวิเคราะห์แบบอ้างอิงทฤษฎี อ้างอิงที่เป็นเหตุเป็นผล

แล้วถ้าสมมติเป็นเหตุอย่างปล้นร้านทองที่ลพบุรี พี่ช่วยวิเคราะห์แบบเร็วๆ เล็กๆ หน่อยได้มั้ย?
จอย : ต้องออกตัวก่อนว่าในระยะเวลาที่จำกัด ในช่วงที่เป็นการสืบสวนสอบสวน ไม่สมควรที่จะมาวิเคราะห์ แต่เวลาที่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น นักอาชญาวิทยาอาจจะมองคล้ายๆ คนทั่วไปที่แสดงความเห็น สงสัยต้องมานั่ง สงสัยต้องมีการเตรียมการ แต่นักอาชญาวิทยาอาจจะต้องเพิ่มขึ้นมาว่ามันมีทฤษฎีไหนมาจับ มันมีองค์ประกอบอะไรเกิดขึ้น ก็เหมือนผู้ที่กลั่นกรอง แล้วตำรวจเค้าก็ทำงานของเค้า รวบรวมพยานหลักฐาน นักอาชญาวิทยาก็เข้ามาเสริม เข้ามาแนะนำ หรือนำเสนอข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง

ปัจจุบันมีผู้ชายคนหนึ่งมาดูแลหัวใจเกือบ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นที่คบกันยังทำงานในวงการบันเทิงอยู่หรือเปล่า?
จอย : ตอนนั้นเรื่องตลาดอารมณ์ น่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ฝากผลงานเอาไว้

ไปเจอกันได้ยังไง เค้าไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงใช่มั้ย?
จอย : ไม่ใช่คนในวงการค่ะ เค้าเรียกว่าคนจะมาเจอกันมันคงมีบุญวาสนาต่อกัน ก็จะต้องมาในจังหวะที่ถูกที่ ถูกเวลา เริ่มต้นก็ไม่คิดว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์แบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติ คงจะถูกจริตซึ่งกันและกัน

ร่วมยินดี จอย ศิริลักษณ์ เผยแหวนที่นิ้วนางหลังบ่มรัก10ปี
ร่วมยินดี จอย ศิริลักษณ์ เผยแหวนที่นิ้วนางหลังบ่มรัก10ปี

อะไรในตัวเค้าที่ทำให้พี่จอยคบมาได้ถึง 10 ปี?
จอย : มีความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เราเติบโตขึ้นในด้านของความคิด แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ เป็นเรื่องของการให้เกียรติและให้ความเคารพกับคุณพ่อ คุณแม่ของเรา พอต่อๆ มาไม่ว่าเราจะทำอะไรเค้าก็จะส่งเสริม สนับสนุน อวยพรกันทุกวัน

เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ที่ตามใจ ที่ผ่านมาไม่เคยทะเลาะกัน?
จอย : ไม่เคยทะเลาะกันค่ะ ใช้คำว่าตามใจดีมั้ย เค้าจะมีวิธีบอกเรา ให้เราเติบโต ให้เรามองโลกในแง่บวก ให้เรารู้จักให้คนอื่น หรือถ้าเราเครียดกับบางเรื่อง เก็บหรือคิดมากเกินไป เค้าก็จะมีวิธีพูด หรือแม้แต่เรื่องการแต่งตัว ผู้หญิงเราก็อยากจะสวย อยากจะเปิดตรงนั้น ตรงนี้ เค้าจะไม่ห้ามนะว่าอันนั้นไม่ให้ใส่ อันนี้ไม่ให้ใส่ เค้าจะบอกว่าอยากใส่อะไรก็ใส่เถอะ อยากให้คนปฏิบัติกับเรายังไงก็ใส่แบบนั้น

ห่างกันเท่าไร?
จอย : ก็ประมาณ 1 รอบ

ห่างกันขนาดนี้เรามีขี้หึงมั้ย?
จอย : นิสัยเรามันขี้หึง ขี้หวง ง้องแง้ง ที่มาเล่นละครให้เพราะเรามีอารมณ์อ่อนไหว ละเอียดอ่อน เพราะฉะนั้นตรงนี้มันก็มี

เค้าหึงเราหรือเราหึงเค้า?
จอย : เรา คือเค้าไม่ได้มีทำอะไรให้เราหึงเลย แต่เรารู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันน่ารักดี บางทีเราก็ไม่ได้หึงหรอกนะ แต่สร้างเรื่อง แต่เราว่าถ้ามันกำลังดีเราก็ว่ามันก็น่ารักดีนะ เค้าก็ต้องรู้สึกดีว่าเรายังใส่ใจ

ทำไมไม่เคยเห็นออกสื่อ ไม่เคยเปิดตัว?
จอย : ก็ไม่ได้ปิดนะ เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติ ไปทานข้าวก็ทานปกติ

เราไม่เห็นหน้าแต่เราเห็นแหวนเค้า มีแหวนแล้ว อันนี้คือยังไง?
จอย : อันนี้บอกตามตรงคือไม่ได้คิดเลยว่ามันจะเป็นประเด็นอะไรมาก คือแหวนก็ใส่มานานมากแล้ว แล้วก็เคยออกสื่อมีหนังสือ รายการมาแซวเรื่องแหวน

แอบแต่งงานหรือเปล่า ทำไมไม่บอกเลย?
จอย : คือแค่รู้สึกว่าเป็นโอกาสพิเศษ เราก็คบกันมาประมาณนึง เราโชคดีจังเลยที่เรามีเค้า ที่คอยดูแลให้เราเติบโตขึ้น ทำอะไรดีๆ เยอะแยะมากมาย เราก็แค่อยากลงไอจีบันทึกไว้

อยากรู้ว่าจะมีข่าวดีหรือยัง?
จอย : ในทุกวันที่มันดีแบบนี้ก็ถือว่าดีแล้ว ความรักแต่ละคนก็จะมีรูปแบบเฉพาะบุคคล ก็เชื่อในเรื่องอะไรที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องตามธรรมชาติ เราเชื่อในเรื่องวาสนา กรรมเวร ทุกคนหนึ่งชีวิตมันยาวนะ เราก็ไม่รู้ว่าเรากับเค้าทำบุญกันมาแค่ไหน ถ้าวันนี้ยังเป็นแบบนี้แล้วยังมีความรู้สึกที่ดี เป็นกัลยาณมิตรที่ดี คอยสนับสนุนส่งเสริมกัน เราว่ามันดี

ถ้าอยู่ดีๆ แล้วเค้ามาขอ?
จอย : คนเราโตๆ กันแล้วไม่ได้คบไปเรื่อยเปื่อย มันก็ต้องมีจังหวะที่พูดคุย จังหวะที่มีการสื่อสารกับครอบครัว แล้วเราก็ต้องดูช่วงจังหวะชีวิตของเค้า ของเรา อะไรคือสมดุลของเราแล้วรับกันได้ทั้งคู่ เราว่าอันนี้มันลงตัว

มีช่วงที่อยากมีลูกมั้ย?
จอย : เคยมี ช่วงปีแรกๆ เลย แต่ว่าเราก็ไม่มั่นใจว่าเราพร้อมหรือเปล่า พอตอนนี้บางครั้งก็มีความรู้สึกว่าอยากมี แต่บางครั้งเราก็รู้สึกว่าดูสิ่งที่เราทำอยู่ซิ เรามีความสุขที่จะขึ้นไปที่วัดป่าที่เชียงราย เรามีความสุขที่จะไปช่วยเหตุที่มีเด็ก การที่เราไม่ได้ดูแลลูกของเราคนเดียวในอีกมุมหนึ่ง ทำให้เราดูแลเด็กได้อีกหลายคนเหมือนกัน ในมุมที่เรามีลูกก็ไม่ใช่ว่าเราดูแลเด็กคนอื่นไม่ได้ ก็จะมีรูปแบบต่างกัน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติแล้วกัน

ร่วมยินดี จอย ศิริลักษณ์ เผยแหวนที่นิ้วนางหลังบ่มรัก10ปี
ร่วมยินดี จอย ศิริลักษณ์ เผยแหวนที่นิ้วนางหลังบ่มรัก10ปี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *