เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องราวของหนุ่ม พีเค ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร ที่ตอนนี้กำลังถูกจับตาความสัมพันธ์มีรักครั้งใหม่กับสาวลูกครึ่งไทย-เดนมาร์ก อย่าง มิเรียน ซึ่งก่อนหน้านี้วงในเผยว่าฝ่ายชายได้ออกมายอมรับแล้วว่ากำลังคุยกันอยู่
ล่าสุด มิเรียน ได้เปิดใจครั้งแรกกับไทยรัฐบันเทิง ถึงประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ หนุ่มพีเค ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการรู้จักกันเมื่อ 6-7 ปีก่อน พร้อมเผยสถานะล่าสุดของทั้งคู่ว่าสรุปแล้วเป็นแฟนกันจริงไหม?
ยอมรับว่าเป็นคนในข่าวใช่ไหมคะ?
ใช่ค่ะ ตั้งแต่ภาพที่ไปทานข้าวกับพี่พีเคที่พัทยา ก่อนหน้านี้เรารู้จักพี่พีเคมาสักระยะหนึ่งซึ่งเราก็ได้ถามทางความรู้สึกว่าเค้าโอเคไหมเค้าก็บอกว่าไม่ค่อยโอเคก็เลยไปเจอเค้าร้านอาหารแถวบ้านเค้า คุยไปสักระยะหนึ่งเรารู้สึกว่าเค้าไม่โอเคจริงๆ และเค้าก็เริ่มร้องไห้เราก็เลยถามว่าไหวไหม ซึ่งเค้าก็ดูแย่มากในฐานะน้องคนหนึ่งเราก็รู้สึกว่าเราเป็นห่วงเค้าก็เลยอยู่เป็นเพื่อน เวลาคุยไปเค้าก็จะดาวน์ จำอะไรไม่ค่อยได้จำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือว่าทำอะไรไปแล้วและเค้าก็มีการดื่มเยอะ ซึ่งก็อยู่ที่บ้านนอนไม่ทำอะไรเลยซึ่งเราไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงแบบชู้สาวแต่เราเป็นห่วงแบบพี่น้อง ซึ่งเราก็เห็นเค้าเสียใจก็รู้สึกว่าคนที่กำลังมีปัญหาไม่ควรอยู่คนเดียวแต่เค้าก็พยายามที่จะอยู่คนเดียวมาเป็นอาทิตย์เราก็เลยรู้สึกว่าอยากชวนเค้าไปพัทยา เราก็ไปเป็นเพื่อนแล้วก็ชวนลูกสาวไปด้วย
จุดเริ่มต้นของการรู้จักกัน?
รู้จักกันมานานมากแล้วรู้จักกันผ่านครอบครัวประมาณ 7-8 ปี ซึ่งเราก็เป็นพี่น้องกันบางทีก็ให้เค้าช่วยไปทำงานบ้าง
เรามีลูกแล้ว?
มีลูกแล้วค่ะ แต่ตอนนี้สถานะโสด สามีเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ลูกเราได้เดือนนึง เราก็รู้สึกว่าตอนที่สามีเราเสียคงนอนน้อยพักผ่อนน้อยดื่มแอลกอฮอล์ คราวนี้พอเราเห็นพี่พีเคเราก็รู้สึกว่ามันเป็นภาพเดิมเลยถามเค้าว่าให้อยู่เป็นเพื่อนไหม เค้าก็เลยขอร้องเราก็เลยอยู่เป็นเพื่อน ถ้าสมมติความทรงจำที่มันอยู่บ้านเดิมๆ ทำเรื่องเดิมๆ มันก็มีแต่เรื่องเดิมๆ เค้าก็จะอ่านข่าวอ่านไปสักพักนึงเค้าก็จะร้องไห้และรู้สึกผิดเราก็คิดว่ามันจะรู้สึกผิดกันไปเยอะเกินไปหรือเปล่า เราก็เลยบอกให้เค้าเปลี่ยนความทรงจำใหม่ ก็เลยให้ลูกกับคุณตาและเลขาฯ บินมาจากเชียงใหม่เพื่อพาเค้าไปพัทยาซึ่งไม่ได้ไปกันสองคน แล้ววันนั้นที่โต๊ะอาหารก็นั่งกันสี่ห้าคน ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเค้าบอกกับเราว่าอยากใช้ชีวิตแบบปกติเค้าไม่มีเพื่อนใครก็ไม่อยากเจอเขาเพราะไม่อยากเป็นข่าวกับเค้าและเราไม่ใช่คนในวงการก็ไม่ได้แคร์ตรงนี้อยู่แล้ว
จากภาพ I’am not Jolie คืออะไร?
จริงๆ มันเป็นเรื่องโจ๊กระหว่างเรากับพี่พีเคเป็นช่วงที่ระหว่างเราไปพัทยาเราก็พาเค้าไปเดิน walking street และพยายามให้เค้ารู้ว่าโลกภายนอกกับโลกในโซเชียลมันคนละแบบกันและทุกคนก็ยิ้มให้เค้ามีความสุขกับเค้า คราวนี้พอเราไปที่ไอคอนสยามไปกินข้าวกันและเวลาคนมองมาที่พี่พีเคเค้าก็จะมองเราตั้งแต่หัวจรดเท้า เราก็เลยคุยกันเล่นๆ ว่าหนูไม่ไหวแล้วก็เลยไปซื้อเสื้อมาแล้วเขียนว่า I’am not Jolie นะ ซึ่งมันก็เล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวซึ่งเค้าก็หัวเราะตอนนั้นเราก็เริ่มรู้สึกว่าเค้าจากคนที่ดาวน์มากๆ และมีเพื่อนคนหนึ่งที่คอยดูแลเค้าและทำให้เค้ารู้สึกว่ามันโอเคนะก็แค่นั้นเลย เราก็รู้สึกว่าเราทำให้เขาหัวเราะและมีความสุขมากขึ้น
กลัวเป็นข่าวไหมที่เราเข้ามาในช่วงจังหวะเวลานี้?
อย่างที่บอกว่าเราไม่ใช่คนในวงการบันเทิงเพราะเรารู้สึกอินกับการทำธุรกิจมากกว่าและสื่อไม่ได้มีผลอะไรกับการทำงานของเราเพราะฉะนั้นเราก็คิดว่าถ้าเค้าไม่มีคนคอยอยู่ข้างๆ ให้มีความสุข เค้าคงไม่โอเค
สถานะตอนนี้ของเราคืออะไร?
อย่างที่บอกว่าเราผ่านการสูญเสีย สามีเสียชีวิต เราคุยกันแล้วเราก็หัวเราะเราอยู่ด้วยกันแล้วเราก็มีความสุขไม่ได้มีแพลนว่าอนาคตจะเป็นยังไงแต่ตอนนี้มีความสุขมาก และพี่พีเคก็แฮปปี้ซึ่งเค้าก็ดูมีความสุขขึ้นใช่ไหมคะ
เรียกว่าเป็น boyfriend หรือกำลังศึกษาดูใจได้ไหม?
พอมาถึงจุดที่เราเสียไปเรารู้สึกว่าเราไม่อยากรออะไรใครจะเรียกว่าอะไรเราไม่รู้แต่สิ่งที่เราคิดอย่างเดียวก็คือเราอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกสาวว่าถ้าเกิดเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมีความรักที่ดีกับคนๆ หนึ่งลูกสาวเราเห็นเค้าก็จะมีแบบนั้นเพราะเค้าโตมากับตากับยายที่รักกันและเราก็แค่อยากจะมีตรงนั้นให้ลูกเห็น
กับความสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นเรามีส่วนเกี่ยวข้อง?
…
ไม่เกี่ยวค่ะ ไม่เกี่ยวอยู่แล้วเพราะมันเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้วที่เราเห็นเค้าไม่โอเคแล้วมันก็ลากยาวมาเรื่อยๆ
เป็นห่วงเค้ามากขนาดไหน?
ใช้คำว่าพยายามเชียร์อัพเขาแต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความสุขไปด้วยและเค้าก็เป็นคนที่ดูแลในครอบครัวดีมาก เราไม่เคยเห็นเค้าว่าอะไรใครเลยสักคนและทุกคนที่อยู่รอบตัวเค้าก็เป็นห่วงเค้า โอเคถ้าเค้ายิ้มได้เค้ามีความสุขหรือดื่มน้อยลงเราก็โอเค
ช่วงที่พี่พีเคมีข่าวเราให้กำลังใจซัพพอร์ตเขายังไงบ้าง?
เราก็บอกเค้าว่าให้ออกมาให้ได้แต่ถ้ามันไม่ได้เราก็ต้องยอมรับ เรารู้ว่าเค้าคงเสียใจจากที่รู้จักกันมานานเค้าเป็นคนที่เทคแคร์ดูแลทุกคนที่อยู่รอบตัวเค้าดีมากเราก็แค่รู้สึกว่าทำไมทุกคนทำกับเค้าแบบนี้ ซึ่งเราก็ฟังเขาพูดหลายวันวนไปวนมาเราก็คิดว่าทำไมเขาต้องรู้สึกผิดกับเรื่องเดิมๆ
ตอนนี้สภาพจิตใจพีเคเป็นยังไงบ้าง?
ทุกครั้งที่มีความรู้สึกที่วิ่งเข้ามาเค้าก็อาจจะรู้สึกบ้างเราก็คิดว่ามันสามารถจะดาวน์ได้ตลอดเวลาจากที่ยิ้มหรือหัวเราะมันก็กลายเป็นแบบร้องไห้อีกแล้วแต่เราก็เข้าใจมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่เรารู้สึกว่าเค้าไม่ควรอยู่คนเดียวรู้สึกว่าคนเศร้าหรือมีปัญหาอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะเราเองก็ผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน
ถ้าอนาคตความสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นจะบอกลูกยังไง?
มันเป็นเรื่องของเราเป็นความสัมพันธ์ของเราแต่แม่ยังไงก็ต้องเอาลูกไว้เสมอ ถ้าวันหนึ่งเราไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกของเราแล้วเราก็ไม่อยู่ตราบใดที่ยังสนุกและไม่มีอะไรจะเสียพรุ่งนี้เราอาจจะตื่นมาหรือไม่ตื่นมาก็ได้
อนาคตคิดจะมีครอบครัวใหม่ไหม?
เราไม่ได้ปิดตัวเองก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราแฮปปี้ไหม ลูกเราแฮปปี้และเค้าแฮปปี้ไหมครอบครัวเราแฮปปี้ไหมมันถึงจะเป็นเรื่องที่มันมีความสุขแต่ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของคนสองคนมันเป็นเรื่องของใครที่มันเป็นคนรอบตัวเราหรือเป็นความสัมพันธ์กับเราประมาณนี้